วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

คำฟ้องผิดสัญญากู้ยืมเงิน (โจทก์และจำเลย เป็นบุคคลธรรมดา)


เขียนในแบบฟอร์มคำฟ้อง (๔) เมื่อเขียนแบบฟอร์มครบแล้ว ต่อมาข้อ ๑ เขียนว่า
ข้อ ๑. เมื่อวันที่ ....เดือน...............พ.ศ.......... จำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์เป็นเงินจำนวน ....................บาท (.....................................) ตกลงคิดดอกเบื้ยกันในอัตราชั่งละ ๑ บาทต่อเดือน หรือร้อยละ ๑.๒๕ บาทต่อเดือน โดยจำเลยได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไปจากโจทก์ครบถ้วนแล้วตั่งแต่วันทำหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน และจำเลยได้นำโฉนดที่ดินเลขที่ ...................... ตำบล.......................อำเภอ............................... จังหวัด..........................มาให้โจทก์ยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้ รายละเอียดปรากฎตามสำเนาหนังสือสัญญากู้ยืมเงินและสำเนาโฉนดที่ดิน เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๑  และ     (ข้อความที่นำมาเขียนในช่วงนี้ก็นำมาจากสัญญากู้ยืมฉบับจริงที่ทำการกู้ยืมกันนั้นเอง)
ข้อ ๒. นับตั้งแต่จำเลยได้กู้ยืมเงินโจทก์ดังกล่าวไป จำเลยหาได้ชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ไม่ โจทก์ติดตามทวงถาม จำเลยก็ผัดผ่อนเรื่อยมา โจทก์จึงได้มอบอำนาจให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวทวงถามไปยังจำเลย จำเลยได้รับทราบแล้วก็ยังคงเพิกเฉยอยู่ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือบอกกล่าวทวงถามและสำเนาใบตอบรับของการสื่อสารแห่งประเทศไทย เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๓ และ ๔
ข้อ ๓. การที่จำเลยไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ดังกล่าวเป็นการผิดนัดผิดสัญญากู้ยืมเงิน โจทก์จึงขอคิดต้นเงินและดอกเบี้ยดังนี้ จำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ถึงวันฟ้อง เป็นเวลา ๓ ปี ๓ เดือนเศษ ตกลงคิดดอกเบี้ยกันร้อยละ ๑.๒๕ ต่อเดือน หรือร้อยละ ๑๕ ต่อปี ต้นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท คิดเป็นเงินค่าดอกเบี้ยที่จำเลยค้างชำระ ๒๙,๒๕๐ บาท (สองหมื่นเก้าพันสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน)  เมื่อรวมกับต้นเงินดังกล่าวจึงรวมเป็นเงินที่จำเลยต้องชำระให้โจทก์รวมทั้งสิ้น ๘๙,๒๕๐ บาท (แปดหมื่นเก้าพันสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน) กับให้ชำเลยชำระดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ในต้นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จสิ้นให้แก่โจทก์ด้วย
โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับจำเลยได้ จึงต้องฟ้องคดีต่อศาลขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง
                                                                                ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

คำขอท้ายฟ้องแพ่ง (๕)
                เขียนในแบบฟอร์ม เริ่มที่ข้อ ๑ ได้เลย
                 ๑. ให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์เป็นจำนวนเงิน ๘๙,๒๕๐ บาท (แปดหมื่นเก้าพันสองร้อยห้าสิบบาทถ้วน) พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ ๑๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท (หกหมื่นบาทถ้วน) นับจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จสิ้น
                 ๒. ให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์ด้วย
                (ด้านล่างสุด) ข้าพเจ้าได้ยื่นสำเนาคำฟ้องโดยข้อความถูกต้องเป็นอย่างเดียวกัน มาด้วย     ฉบับและรอฟังคำสั่งอยู่ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว

5 ความคิดเห็น:

  1. อาตมา (พระครูวิธานสุพัฒนกิจ, ดร.) กำลังเรียนนิติศาสตร์ ปีสุดท้าย เทอมสุดท้าย ฝึกปฏิบัติว่าความ (ศาลจำลอง) คดีอาญา และคดีแพ่ง อ่านแล้วเข้าใจมาก จร้า
    เจริญพร

    ตอบลบ
  2. มีประโยชน์กับผู้ที่สนใจเกี่ยวแก่การนี้มากเลยครับ

    ตอบลบ
  3. มีประโยชน์กับผู้ศึกษากฎหมายมากเลยค่ะ ขอบคุณที่เผยแผ่ความรู้ เป็นวิทยาทาน ขออนุญาตนำไปใช้เพื่อการศึกษานะคเะ
    ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

    ตอบลบ