ใช้แบบพิมพ์คำให้การ (๑๑ ก.) ที่ศาลกำหนดใช้ได้ทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา เขียนด้วยลายมือตัวเองก็ได้
หรือจะใช้พิมพ์ดีดก็ได้
หรือจะเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปที่พิมพ์คำให้การลงไปในคอมพิวเตอร์แล้วแล้วสั่งปริ๊นออกมาทั้งแบบฟอร์มและคำให้การซึ่งเป็นการสะดวกและสวยงาม
ง่ายต่อการแก้ไข
การเขียนคำให้การแพ่ง
ในสายตาของผมก็คือการอ่านคำฟ้องที่ทางโจทก์ส่งมาแล้วก็โต้แย้งไปตามประเด็นที่มีอยู่ในคำฟ้องของโจทก์ด้วยเหตุและผล
แต่บางครั้งก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะโต้แย้งก็โต้แย้งไปลอย ๆ ไม่มีเหตุผล ซึ่งจะมีประเด็นในการต่อสู้หรือไม่มีประเด็นในการต่อสู้เราก็จะศึกษาในตอนต่อไป
แต่มีประเด็นหนึ่งน่าสนใจ
ผัวเมียคู่หนึ่งโต้แย้งกันหรือทะเลากันนั้นเอง
เมียจับได้ว่าผัวไปแอบไปมีกิ๊กไว้ที่ไหนสักแห่งหนึ่งในประเทศไทย
ผัวก็ใช้หลักเหตุและผลโต้แย้งต่าง ๆ นานา เพื่อให้เมียนั้นคล้อยตาม ฝ่ายเมียก็อ้างพยานหลักฐานที่มีอยู่ในมือ
และพยานบุคคลที่เป็นประจักษ์พยานหรือเห็นเหตุการณ์นั้นเอง
ฝ่ายผัวหรือสามีก็เริ่มจนมุมต่อหลักฐาน
ก็คิดที่จะรับสารภาพเพราะรู้กฎหมายว่าถ้ารับสารภาพจะได้รับการลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหมือนจำเลยทั่วไปที่รับสารภาพ
คดีนี้จบลงตรงที่โดนโทษสถานเบาจริง ๆ ครับ เพราะสามีคนนี้โดนริบของกลางในการกระทำผิด
โดยฝ่ายเมียบอกว่าถ้าทำตัวดีเมื่อไหร่แล้วจะคืนให้ ระหว่างนี้จะขอเก็บของกลางไว้ในตู้เย็นช่องฟิตไว้ก่อน คดีนี้สอนให้รู้ว่า
รับสารภาพในศาลลดโทษให้แน่นอนครับ แต่ถ้ารับสารภาพในบ้านละก็เพิ่มโทษแน่นอนครับ เป็นเรื่องขำ
ขำ อย่างคิดมาก
กลับมาที่เรื่องของเรากันต่อ
ในคดีอาญานั้น
การยื่นคำให้การของจำเลยง่ายกว่าคดีแพ่งคือยื่นเมื่อใดก็ได้
ยื่นกันไปจนถึงวันสืบพยานโจทก์ก็ได้ หรือจะกลับคำให้การเดิมก็ทำได้
ก่อนที่ศาลพิพากษานั้นเอง บางครั้งรับสารภาพและมีคำพิพากษาไปแล้วระหว่างอุทธรณ์กับให้การปฏิเสธว่าที่รับสารภาพไปในศาลชั้นต้นนั้นรับสารภาพเพื่อปกป้องลูก
ศาลอุทธรณ์ยังส่งสำนวนคดีให้กลับมาให้ศาลชั้นต้นพิจารณาใหม่เลย
เพราะศาลไม่อยากตัดสินคนบริสุทธิ์ให้ต้องติดคุกในเมื่อเขาไม่ได้กระทำความผิดนั้นเอง
ในคดีแพ่งต้องสู้ตามประเด็นที่ให้การและมีเหตุและผลในการต่อสู้ด้วยการเขียนคำให้การในคดีแพ่งก็ยืดยาวตามไปด้วย
ส่วนในคดีอาญานั้นเขียนสั้นมาก คือเขียนแค่ จำเลยขอให้การปฏิเสธตามฟ้องของโจทก์ทั้งสิ้น
และขอต่อสู้คดี
เพียงเท่านี้ก็มีประเด็นในการต่อสู้คดีอาญาทุกประเด็นที่โจทก์ฟ้องมาแล้ว
ป.วิ.แพ่ง บทวิเคราะห์ศัพท์ มาตรา ๑ (๔) คำให้การ
หมายความว่า “กระบวนพิจารณาใด ๆ
ซึ่งคู่ความฝ่ายหนึ่งยกข้อต่อสู้เป็นข้อแก้คำฟ้องตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้
นอกจากคำแถลงการณ์”
ป.วิ.แพ่ง มาตรา ๑๗๗ บัญญัติว่า “เมื่อได้ส่งหมายเรียกและคำฟ้องให้จำเลยแล้ว
ให้จำเลยทำคำให้การเป็นหนังสือยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวัน
ให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า
จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน
รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น
จำเลยจะฟ้องแย้งมาในคำให้การก็ได้
แต่ถ้าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมแล้ว
ให้ศาลสั่งให้จำเลยฟ้องเป็นคดีต่างหาก
ให้ศาลตรวจดูคำให้การนั้นแล้วสั่งให้รับไว้
หรือให้คืนไป หรือสั่งไม่รับตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๘
บทบัญญัติแห่งมาตรานี้
ให้ใช้บังคับแก่บุคคลภายนอกที่ถูกเรียกเข้ามาเป็นผู้ร้องสอดตามมาตรา ๕๗(๓)
โดยอนุโลม”
เมื่อพิจารณาจากมาตราที่กล่าวมาแยกพิจารณาได้ดังนี้
-เมื่อจำเลยได้รับหมายเรียกและคำฟ้องหรือมีผู้อื่นรับไว้แทนโดยชอบ
ให้จำเลยทำคำให้การยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวันนับถัดจากวันที่รับหมาย
หมายเรียกและสำเนาคำฟ้องนี้ต้องเป็นหมายเรียกคดีแพ่งสามัญจะเขียนอยู่ที่บนหัวของหมายเรียก
ส่วนหมายเรียกอื่นมีกำหนดวันนัดยื่นคำให้การไม่เหมือนกัน ดูกำหนดระยะเวลายื่นคำให้การในหมายเรียกเป็นหลัก
กรณีจำเลยไม่อยู่บ้านหรือไม่มีผู้ใดรับหมายไว้แทนโดยชอบศาลอาจปิดหมายไว้ที่ภูมิลำเนาของจำเลย
ต้องยื่นคำให้ให้การภายใน ๓๐ วัน นับถัดจากวันที่ปิดหมาย การขอปิดหมายนี้โจทก์ต้องขอคัดถ่ายชื่อที่อยู่ของจำเลยทางทะเบียนราษฎร์ที่อำเภอไม่เกิน
๑ เดือน แนบกับคำร้องขอให้ปิดหมายไปด้วยถ้าอย่างนั้นศาลจะไม่ปิดหมายให้
เพราะถือว่าจำเลยมีที่อยู่แน่นอน ถ้าจำเลยไม่ยื่นคำให้การทั้งสองกรณีดังกล่าว
โจทก์อาจยื่นคำร้องขอให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขอให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีไป
-เมื่อจำเลยยื่นคำให้การในคดีแพ่งนี้คำให้การในคดีแพ่งค่อนข้างจะยุ่งยากคือ
คำให้การจะยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน
การปฏิเสธนี้ต้องมีเหตุผลแห่งการปฏิเสธนั้นด้วย
ถ้าปฏิเสธลอย ๆ หรือไม่มีเหตุผลในการปฏิเสธตามฟ้องของโจทก์
จำเลยก็จะไม่มีประเด็นในการนำสืบทำให้จำเลยอาจแพ้คดีได้เลย
-เมื่อจำเลยยื่นคำให้การและมีการฟ้องแย้งมาในนั้นด้วยแล้ว ฟ้องแย้งของจำเลยนั้นต้องเป็นเรื่องเดียวกับฟ้องของโจทก์
ถ้าฟ้องแย้งนั้นเป็นเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมของโจทก์แล้ว
ต้องฟ้องเป็นคดีใหม่ คือต้องเสียค่าธรรมเนียมใหม่ตามจำนวนทุนทรัพย์นั้นเอง
ฟ้องแย้งต้องเสียค่าธรรมเนียมด้วยนะครับถ้าเป็นคดีที่มีทุนทรัพย์
-การขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การ
จำเลยมีเหตุผลที่ไม่อาจยื่นคำให้การภายในกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้โดยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การไป
อาจเป็นเพราะไปต่างจังหวัดพึ่งทราบ และแต่งทนายเข้ามาในคดีกระทันหัน
หรือเอกสารที่โจทก์ฟ้องมีมากมายเวลาตามที่กฎหมายกำหนดอาจไม่พอ ก็ขอขยายเวลาออกไปได้อีกตามที่จำเลยขอไปต่อศาล
หรือเหตุผลอะไรก็ได้ที่น่าฟังกว่านี้
แต่สุดท้ายแล้วศาลก็จะเป็นผู้ที่กำหนดตัดสินว่าจะให้ขยายออกไปกี่วัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วต้องยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การก่อนถึงวันครบกำหนดยื่นคำให้การตามที่กฎหมายกำหนด
-การยื่นคำให้การคดีมโนสาเร่
ป.วิ.แพ่ง ม.๑๙๓
สามารถยื่นคำให้การในวันที่ศาลนัดตามหมายเรียกก็ได้ไม่เหมือนคดีแพ่งสามัญ
คดีมโนสาเร่จำเลยสามารถยื่นคำให้การเป็นหนังสือ หรือให้การด้วยวาจาก็ได้
ศาลจะบันทึกคำให้การด้วยวาจาและเหตุแห่งการนั้นไว้
ประเด็นข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงในคำให้การ เช่น
ตัวอย่างประเด็นข้อกฎหมาย
-คำฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่
-มีอำนาจฟ้องหรือไม่
-การบอกกล่าวทวงถามทำถูกต้องตามกฎหมายกำหนดหรือไม่
(คดีบางเรื่องกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดไว้)
ฯลฯ
ตัวอย่างประเด็นข้อเท็จจริง
-คดีขาดอายุความหรือไม่
-ค่าเสียหายมีจำนวนเท่าไหร่
-จำเลยประมาทหรือไม่
ฯลฯ
ประเด็นข้อกฎหมายถ้าไม่ได้ว่ากล่าวในศาลชั้นต้นก็สามารถยกประเด็นข้อกฎหมายนั้นอุทธรณ์หรือฎีกาได้ แต่ถ้าเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงแล้วถ้าไม่ได้ว่ากล่าวในศาลชั้นต้นแล้วก็ไม่สามารถยกขึ้นอุทธรณ์หรือฎีกาได้ เพื่อความไม่ประมาทควรยกก็ควรยกทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงให้ครบตั้งแต่ศาลชั้นต้น ประเด็นในข้อเท็จจริงนี้จะมีมากหรือน้อย
ก็ขึ้นอยู่กับคดีของแต่ละคดีไป ต่อไปก็เป็นตัวอย่างคำให้การ คดีแพ่ง และคดีอาญา แล้วเจอกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น